วันศุกร์, สิงหาคม 19, 2559

‘ทีเรื่องแบบนี้ละเก่งจัง’ - ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาภาคใต้ ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาปากท้อง





ใช่เลยอย่างที่อธึกกิตว่า ‘ทีเรื่องแบบนี้ละเก่งจัง’

“จับหนุ่มสันกำแพง พอกลายเป็นแพะ ก็ใส่ข้อหามีวัตถุระเบิด

จับ ๑๗ เสื้อแดงตั้งพรรคใหม่ พอไม่เกี่ยวกับระเบิดก็กลายเป็นอั้งยี่ แถมบางคนจะโดน ๑๑๒”

เรื่องหนุ่มสันกำแพงเราว่าไว้แล้ววันก่อน ผิดซะที่ไหน เห็นในวงจรปิดเป็นคนเชียงใหม่ไปทำงานอยู่ใต้ ‘ยัดแพะ’ ไว้ก่อน พอไม่ใช่ยัดระเบิดแก้เก้อ

วันนี้เอาอีก เห็นเป็น ‘เสื้อแดง’ กะจะซัดแพะบึ้ม ๗ จังหวัด พอไม่ใช่ ยัดข้อหาอั้งยี่ซะนี่

ใน ๑๗ ผู้ต้องหา อายุ ๖๐ อัพ ๙ คน (เกิน ๗๐ สองคน) เกิน ๕๐ อีก ๕ คน อ่อนสุด ๓๙ ปี แม่ค้าน้ำพริกแกง นางสาวมีนา แสงศรี ที่ญาติมิตรประกาศหาคนหายมาเกือบอาทิตย์

รายละเอียดอื่นๆ จากข่าว

“เบื้องต้นเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงได้ควบคุมตัวผู้ที่เชื่อมโยงของขบวนการก่อความไม่สงบได้ทั้งหมด ๑๗ คน ก่อนนำตัวไปควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ ๑๑ (มทบ.๑๑) โดยเป็นชาย ๑๓ คน และหญิง ๔ คน ซึ่ง ๖ ใน ๑๗ คน มียศตำรวจ ร.ต.ท.,ร.ต.ต.และด.ต. ร่วมอยู่ด้วย”

(ประชาไท http://prachatai.org/journal/2016/08/67511)

ข้อหาแรง “พ.อ. บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ฝ่ายกฎหมาย คสช. เปิดเผยว่ากลุ่มคนดังกล่าวเคยเป็นสมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แต่มีความไม่พอใจแนวทางของส่วนกลาง จึงมาแต่งตั้งพรรคเป็นของตัวเอง โดยเปิดประชุมพรรคครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๘...

และมีเป้าหมายเพื่อล้มล้างระบอบการปกครองของประเทศไทย”

(จส. ๑๐๐ http://www.js100.com/en/site/news/view/28998)




นี่ข้อหาอย่างทางการ “ในคดีที่ศาลทหารได้ออกหมายจับตามคำร้องของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เลขที่ จพ ๒๙/๒๕๕๙ ข้อหาตามมาตรา ๒๐๙ ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ข้อหาการกระทำผิดอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ ๓/๒๕๕๘ ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน ๕ คน”

(สกสส. https://www.facebook.com/ULlawyers/videos/1778414199104193/)

มีของแถม ศาลทหารจะได้ปฏิเสธไม่ให้ประกันทันที “เบื้องต้นยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในพื้นที่ ๗ จังหวัดภาคใต้ แต่จากการตรวจสอบผู้ต้องหาบางรายมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับความผิด มาตรา ๑๑๒ และค้าอาวุธสงคราม”

(ไอเอ็นเอ็น http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=722539)

แต่ที่สุดของที่สุดของข้อหาต่อ ‘๑๗ อั้งยี่สูงวัยใส่พริกแกง’ จากคำของ รมว. กลาโหม มาลงที่ “เคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.” เท่านั้นน่ะ

ก็คงต้องขอใช้คำอธึกกิตอีกทีว่า “ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาภาคใต้ ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาปากท้อง ทีเรื่องแบบนี้ละเก่งจัง”

อย่างเรื่องยาบ้า “รมว.ยุติธรรม กล่าวย้ำว่า ยาบ้าเป็นสินค้าเศรษฐกิจไม่มีทางที่จะทำให้หมดไปได้” (นี่เก็บมาจากข่าว ‘สนธิญาน’ นะ)

เสริมด้วย รมว.สาธารณสุข “ยอมรับยาเสพติดไม่มีแนวโน้มลดลง” คสช. ก็เลยใช้วิธีแยบยล ‘If you can’t fight them, join them’

สาธารณสุขบอก เริ่มด้วย “ปรับแก้สถานะยาบ้าจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ ๑ เป็นประเภท ๒” ยุติธรรมสนอง แล้วก็ต้องทำให้ “ยาบ้าเหลือเม็ดละ ๕๐ สตางค์ ถ้าพร้อมจะทำให้ทันที”





แล้วก็ รมว. ยุติธรรมคนนี้ (จากข่าวทีนิวส์อีกแหละ) พูดถึงกรณีองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนออกมาทักท้วงถึงการควบคุมตัวนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ที่เรือนจำอ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ว่า

“ที่พูดกันอดข้าว อดน้ำนั้นไม่จริง ตนถามผู้บัญชาการเรือนจำที่จ.ชัยภูมิ เขาบอกว่าดื่มปกติเราดูแลอยู่ ปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อนเรารักษา ไม่ได้อดอาหาร เขากินนมซึ่งคืออาหารชนิดหนึ่ง”

เอ้านี่เป็นหมอความได้ไง ออกข่าวคู่สาธารณสุขมากๆ ชักจะติดนิสัยหมอยา ต้องไปศึกษาวิชาอาชญวิทยาอีกหน่อยนะ หรือถ้าจะให้ง่ายเปิดอ่านที่ ภควดี วีระภาสพงษ์ เขียนไว้ที่นี่

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=525057384371853&id=100006027885606

*การอดอาหารประท้วงไม่ใช่การฆ่าตัวตาย* “ดังนั้น ผู้ประท้วงจึงดื่มน้ำกับของเหลว บางทีก็มีการเสริมกลูโคสและสารอาหารอื่น ๆ เพราะถ้าไม่กินอะไรเลยก็คงอยู่ได้ไม่กี่วัน

การดื่มนมหรือรับอาหารเหลวจึงยังถือเป็นการอดอาหารประท้วงอยู่ การเยาะหยันว่าไม่อดจริงแสดงถึงความไม่รู้ของคนพูดมากกว่า”

เข้าใจตรงกันนะ รมว. หมอความ