วันศุกร์, ตุลาคม 21, 2559

เรื่องการบริหารราชการแผ่นดินที่เป๋โน่นเป๋นี่ "หาเงินไม่เก่ง แต่ยึดทรัพย์เก่ง"






ว่าแล้วไหมล่ะ รัฐบาลประยุทธ์ช่วงรอพระบรมราชาภิเษกพระเจ้าอยู่หัวองค์ใหม่นี่ ทำงานลักลั่นชักบ่อย พอเรื่องบริหารราชการแผ่นดินละก็เป๋โน่นเป๋นี่

เป๋ ‘หลัก’ ก็เรื่องปากท้องประเทศชาติ ขายข้าวเป็นไง ดีบ้างหรือยัง อธิบดีกรมการค้าภายในบอกว่าดีแล้ว ส่งออกเพิ่ม แต่ปลัดกระทรวงพาณิชย์พูดอีกอย่าง ต่างชาติตอนนี้ยังถังแตกไม่ซื้อข้าวหอมไทย

เป๋ ‘รอง’ ตรงที่จะฟันทรัพย์ยิ่งลักษณ์ตั้ง ๓ หมื่น ๕ พันล้านกว่าทั้งที ผลักไปที่ รมช. (ช่วยว่าการ) คลังซะนี่

ทั้งเรื่องหลักและเรื่องรอง สองอย่างนี่พอดีตอนนี้สัมพัทธ์กันแล้วเห็นชัด อย่างที่ บก. ลายจุด ตั้งข้อสังเกตุไว้ “หาเงินไม่เก่งแต่ยึดทรัพย์เก่ง”

นี่ไม่ได้โจมตีนะ แค่จะชี้ให้เห็นความจริงที่กำลังเป็นไป เผื่อนายกฯ หัวหน้า คสช. จะไปเป็นต่อแบบมาจากเลือกตั้งหลังราชาภิเษก จะได้ไม่ไปทำซ้ำเสียหน้า เสียชื่อ

เริ่มจากประเด็นการเปลี่ยนผ่าน เมื่อในหลวงองค์เดิมสวรรคตแล้ว ว่าที่ในหลวงองค์ใหม่ทรงขอให้รอไว้อาลัยสมเด็จพระราชบิดา จนกว่าจะเสร็จสิ้นพระราชพิธีศพเสียก่อนนั้น

ทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมาย วิษณุ เครืองาม ชี้แจงขั้นตอนการสืบราชสันตติวงศ์ไว้จะแจ้ง “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ มีพระราชปรารภกับนายกฯ ว่า พระบรมศพก็จะประดิษฐานไปประมาณ ๑ ปี ต่อจากนั้นถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน”

(http://webcache.googleusercontent.com/search…)

เพิ่มเติมเล็กน้อยจากเว็บ ‘กระทิสด’ อ้างคำนายวิษณุแจ้งต่อสื่อต่างชาติ

“นั่นคือหนึ่งการขึ้นรับราชสมบัติซึ่งจะมาเป็นลำดับแรก โดยจะมีขึ้นในเร็ววันนี้ สอง คือการถวายพระเพลิง ซึ่งจะเกิดขึ้นอีกประมาณหนึ่งปีหลังจากนี้ และสามการบรมราชาภิเษกจะเกิดขึ้นหลังการถวายพระเพลิงไปอีกระยะเวลาหนึ่ง”

(http://www.kratisod.com/news/808)

เป็นช่วงหนึ่งปี “กับอีกระยะเวลาหนึ่ง” ที่รัฐบาลเป็นกังวลมากกับราชพิธีสำคัญสองอย่าง (ถวายพระเพลิงกับราชาภิเษก) เลยทำให้หย่อนยาน ลักลั่นในด้านบริหารจัดการรัฐกิจ







“นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีราคาข้าวเปลือกของไทยตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง...แต่ตอนนี้ราคาอยู่ในระดับทรงตัว

ส่วนขณะนี้ราคาส่งออกของข้าวไทยยังสูงกว่าหลายประเทศ...ขณะนี้ราคาส่งออกข้าวไทยเฉลี่ยอยู่ที่ ๓๗๒ เหรียญสหรัฐต่อตัน ด้านเวียดนามอยู่ที่ ๓๔๘ เหรียญสหรัฐต่อตัน และอินเดียอยู่ที่ ๓๕๐ เหรียญสหรัฐต่อตัน”

ถึงกระนั้นก็มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามา “รัฐบาลจีนและฟิลิปปินส์เป็นตลาดรองรับข้าวในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคมนี้ รวมกว่า ๒๐๐,๐๐๐ ตัน จะช่วยทำให้ราคาข้าวเปลือกยังทรงตัว ไม่ตกต่ำลงไป”

(http://www.matichon.co.th/news/329052)

เป็นภาพสวยหอม ‘rosy’ ไม่หยอกหรอก หากไม่ได้ฟังปลัดกระทรวงพาณิชย์พูดเรื่องข้าวเช่นกัน ในวันเดียวกัน นางวิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า







“เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังประสบปัญหา ทำให้ตลาดต่างชาติซึ่งเป็นผู้นำข้าวหอมมะลิเป็นส่วนใหญ่ไม่มีเงินที่จะซื้อของแพง หันไปซื้อสินค้าที่มีราคาถูกกว่าทดแทน”

(http://www.matichon.co.th/news/329277)

รายละเอียดราคาข้าวที่ปลัดฯ แจงไว้ สูงบ้างต่ำบ้าง แต่น้ำเสียงเห็นชัดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำลากยาวยังไม่เหือดหายไปไหน

กลายเป็นความลักลั่นที่ส่งผลไปกำกับพฤติกรรมการบริโภคและลงทุนภายในประเทศ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการฟื้นตัวและกอบกู้เศรษฐิจต่ำต้อยที่เป็นมานับแต่มีการปิดกรุงเทพฯ ไล่ยิ่งลักษณ์ เปิดช่องเทียบเชิญทหารเข้าครองเมือง

จนบัดนี้ชาวบ้านได้ยินแทบทุกวันไม่เว้นวันศุกรว่า ปีหน้าดี ปีหน้าดี แต่ผ่านมาแล้วสองปีกว่า ยังไม่มีใครได้สัมผัสกับสิ่งดีๆ ที่ว่า

ตรงกับที่ สมบัติ บุญงามอนงค์ สัพยอกเอาไว้เด๊ะ มิหนำซ้ำวิธีหาเงินโดยยึดทรัพย์ นี่ก็ดัน ‘ลักลั่น’ เหมือนกันอีก







น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถึงกับ ‘น้ำตาคลอ’ “ยืนยันจะใช้สิทธิทุกช่องทาง ทางกฎหมายที่มีในการต่อสู้ครั้งนี้ และขอปฏิเสธข้อกล่าวหาต่างๆ รวมถึงการใช้คำสั่งที่ไม่ถูกต้องและเป็นธรรม”

นักข่าวไทยรัฐแยงว่าการใช้มาตรา ๔๔ คุ้มครองเจ้าหน้าที่ในการทำงาน มองว่าไม่เป็นธรรมกับตัวเองหรือไม่ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอเบ้าว่า

ยืนยันว่ากระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นก็ไม่เป็นธรรมอยู่แล้ว ซึ่งดิฉันก็ได้ร้องขอ ก็เรียนว่าใครเป็นอย่างดิฉัน คงรู้ว่ามันไม่ได้รับความเป็นธรรมแค่ไหน”

(http://www.thairath.co.th/content/760292)

การนี้ นายวิสุทธิ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ได้ลงนามในคำสั่งทางปกครองแล้ว จะได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการจัดส่งเอกสารลงทะเบียนไปถึงอดีตนายกรัฐมนตรี

“ชี้แจงข้อกล่าวหาและความเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว ที่คณะกรรมการพิจารณาความผิดทางละเมิดมีมติให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่กระทรวงการคลังเป็นเงิน ๓๕,๗๑๗,๒๗๓,๐๒๘ ล้านบาท ภายใน ๓๐ วัน”

(http://www.matichon.co.th/news/329591)

เรื่องคนเซ็นคำสั่งนี่รู้ๆ แล้วว่า ‘โยนกลอง’ กันมาเป็นสองเดือนได้มั้ง นายกฯ ยักท่าไม่เซ็น แจกงานรัฐมนตรีจัดการ พอดี รมว. ไปนอก รมช. เลยเซ็นเอง ครั้นไปถามรองฯ วิษณุ กลับบอกไม่รู้ใครเซ็นหรือยัง

ลักลั่นอย่างนี้แฟนคลับยิ่งลักษณ์อกสั่นขวัญแขวน เมื่อทั่นรองฯ ย้ำ “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังก็ถือว่าทำหน้าที่เปรียบเสมือนรัฐมนตรีว่าการคลังอยู่แล้ว”

ถึงกระนั้นยังอุตส่าห์ชี้ช่องปลอบใจด้วยว่า “ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องไปฟ้องศาลปกครอง และระหว่างนี้จะไม่มีการยึดและอายัดทรัพย์อะไรทั้งสิ้น”

ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์จะทำอย่างไร เธอแจ้งว่ายังไม่ขอแถลงอะไรในตอนนี้ “เพราะเป็นช่วงที่คนไทยทั้งประเทศโศกเศร้า” ก็คงจะรอได้ไม่เกิน ๓๐ วันละนะ