วันเสาร์, กันยายน 16, 2560

อำนาจเดิมๆ โดยมือเดิมๆ ก็กลับมาครองเมือง... ชะตากรรมของนักเขียนท่านหนึ่งหลังเหตุการณ์รัฐประหารปี 2557






ชะตากรรมของนักเขียนท่านหนึ่งหลังเหตุการณ์รัฐประหารปี 2557


นักเขียนเจอรัฐประหารมาตั้งแต่เขาอายุสามขวบ หนีเข้าป่าปี 2519 เพราะเมืองไม่ปลอดภัย หลังพฤษภาคม 2535 ประชาธิปไตยเป็นกระแสสูง ส่งผลให้มีรัฐธรรมนูญปี 2540 เขานึกว่าจะจบ ประเทศเริ่มเข้ารูปเข้ารอยเสียที ก็ดันมีรัฐประหาร กันยายน 2549 มีการฆ่ากลางเมืองปี 2552-2553 และถึงเดือนพฤษภาคม 2557 อำนาจเดิมๆ โดยมือเดิมๆ ก็กลับมาครองเมือง

เรื่อง : วรพจน์ พันธุ์พงศ์
คอลัมน์ : ถนนสายหนึ่ง
GM #470

Sep 14, 2017
Source: GM Live

เฉยนานๆ จะชา

...

1

หากจะมีเรื่องเสียใจอยู่บ้าง--ผมคิดเอาเอง คิดโดยวัดจากรูปธรรมผิวเผินที่สุดคือน้ำตา

คุยเรื่องอื่นนักเขียนไม่เคยเสียน้ำตา ตรงกันข้าม บ่อยๆ ครั้งยังหัวเราะสุดเสียง หัวเราะในท่าทีเย้ยหยัน ไม่ยี่หระโลก

แต่เรื่องลูกทั้งสาม เขาร่ำไห้

ชายวัยหกสิบเศษนิสัยชายเต็มชาย น้ำตาเป็นความลี้ลับราวหยดน้ำในทะเลทราย เลือดทำให้เขาร้องไห้ไม่ได้ แต่กับลูก เมื่อพูดถึงบางฉากชีวิต เขาสะอื้นเบาๆ และรีบยกมือปาดแก้มยับย่น

เขาภาคภูมิใจในตัวลูกทั้งสาม ภาคภูมิอย่างยิ่ง มีความสุขอย่างยิ่ง และสิ่งนั้นเองที่เขาไม่อาจกลั้นน้ำตา

ภรรยาของเขาป่วยหนัก และต่อมาเสียชีวิต ระหว่างลูกๆ ยังเรียนหนังสือ

นักเขียนไม่มีเงินเดือนประจำ งานของเขาคือการเขียน เขียนมันหมดทุกอย่าง ทั้งบทกวี เรื่องสั้น นวนิยาย ความเรียง สารคดี
นักอ่าน ‘สายแข็ง’ ยอมรับนับถือฝีมือของเขา แม้ทั้งชีวิตปราศจากรางวัล

ไม่มีรางวัล ไม่มีเงินเดือนประจำ ทว่าส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัยทั้งสามคน การเงินย่อมฝืดเคือง แน่นอน, ทั้งพ่อบ้านแม่บ้านย่อมทำงานหนัก โชคดีว่าความรักของเขาและเธอแข็งแรง ลูกเต้าก็ว่านอนสอนง่าย เรียนดีกันทุกคน

“แม่เค้าไม่ทันได้อยู่เห็นความสำเร็จของลูก”

เล่าให้ผมฟังหลายเรื่อง หลายชั่วโมง และพอถึงวรรคนี้ นักเขียนน้ำตาไหล

ภรรยาจากโลกนี้ไป ตัวเขาถูกผลักไสออกจากประเทศ หลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

ทิ้งลูกหนุ่มสาวไว้กับบ้านเงียบเหงา

...

2

หากจะมีเรื่องเสียใจ--ก็อย่างที่เล่า เขาเจ็บ เมื่อคิดถึงการประคับประคองและความทุ่มเทของภรรยา ลงแรงเต็มแรงมานานปี ทว่าเธอไม่ได้เกี่ยวเก็บเสพรับดอกผลอันงดงาม

สายตานักเขียนมองไปยังภรรยา ปรารถนาให้เธอได้เห็น ได้รับรู้ สายตาเขาไม่มองตัวเองเลย ไม่เรียกร้องตีโพยตีพาย ทั้งที่ต้องพลัดพรากภูมิลำเนา หนีซมซาน มีชีวิตโดยไร้ตัวตน ไร้หลักแหล่ง และยากไร้

ผมคิดว่าเขาเจ็บ

เจ็บหนัก เจ็บมากที่สุด เพราะวัยหกสิบควรจะผ่อนคลาย ถึงเวลาชื่นชมโลก แต่อำนาจเผด็จการก็ไล่ล่าไม่จบสิ้น

นักเขียนเจอรัฐประหารมาตั้งแต่เขาอายุสามขวบ หนีเข้าป่าปี 2519 เพราะเมืองไม่ปลอดภัย หลังพฤษภาคม 2535 ประชาธิปไตยเป็นกระแสสูง ส่งผลให้มีรัฐธรรมนูญปี 2540 เขานึกว่าจะจบ ประเทศเริ่มเข้ารูปเข้ารอยเสียที ก็ดันมีรัฐประหาร กันยายน 2549 มีการฆ่ากลางเมืองปี 2552-2553 และถึงเดือนพฤษภาคม 2557 อำนาจเดิมๆ โดยมือเดิมๆ ก็กลับมาครองเมือง

ชื่อของนักเขียนขึ้นจอทีวี พร้อมนักดนตรีไฟเย็นทั้งวง คณะเผด็จการ คสช. ประกาศเรียกเข้าค่ายทหาร

เขารู้แผนพวกนี้ดี เบื้องต้นเรียกเข้าไปรายงานตัว เบื้องหลังคือการจับยัดข้อหา ม.112

นักเขียนเชื่อเรื่องสิทธิเสรีภาพ ยืนยันการแสดงความเห็น คิด พูด อ่าน เขียน เผด็จการไม่พอใจ เผด็จการนิยมการปิดปาก เผด็จการไม่ชอบการตรวจสอบ ปฏิเสธและเป็นเดือดเป็นร้อนกับเสียงวิจารณ์

นักเขียนมีเพียงปากกา เผด็จการมีปืน มีกฎหมาย มีทุน มีกองกำลัง

เผด็จการยึดประเทศ ผูกขาดอำนาจเบ็ดเสร็จ นักเขียนสมาทานอุดมการณ์ประชาธิปไตย เชื่อเรื่องหลักสิทธิเสรีภาพ เมื่อขาดสิ่งนี้ เมื่อหลักการนี้ถูกทำลาย ประเทศเสมือนดังป่าช้า ประชาชนเสมือนดังซากศพ

นักเขียนไม่อยากอยู่ป่าช้า ไม่ปรารถนาจะเป็นซากศพ เขาเลือกทางหนี

...

3

อาชีพนักเขียนในประเทศโลกที่สามก็อย่างที่รู้ อยู่บ้านเจ้าของยังยากไร้ ถูกผลักไสให้เลือกทางหนี ชีวิตมีหรือจะสุขสบาย

งานเคยตีพิมพ์ได้ ค่ายต่างๆ หวาดผวา ไม่กล้าเอื้อมมือมาแตะ มาสัมพันธ์

งานไม่มี เงินก็ลอยอยู่ในอากาศ

เคยอยู่กับลูก ต้องพลัดพราก เคยพึ่งตัวเองได้ ต้องกลายเป็นคนจรหมอนหมิ่น อยู่กินจากการหยิบยื่น อุปการะ

ต่อให้ยากอย่างไร นักเขียนอยู่ไม่ยากหรอก เขาเป็นคนบ้านนอก ผักหญ้าปลาปู ออกแรงหน่อยก็พอถูไถประทังชีวิต

ความลำบากชนิดนี้ ความเจ็บปวดชนิดนี้ เขาเอาอยู่

หากจะมีเรื่องเจ็บปวดและคับแค้นแน่นอก--ผมคิดเอาเอง นักเขียนเจ็บกับท่าทีและอารมณ์ผู้คน โดยเฉพาะเพื่อนพี่น้องร่วมวิชาชีพ หลายคนเคยเข้าป่าถือปืนด้วยกันมา หลายคนเคยร่วมคิด ร่วมฝัน ร่วมสปิริตวรรณกรรม

เผด็จการถือปืนมาปล้นอำนาจประชาชน เพื่อนพี่น้องของนักเขียนเฉย

ในเนื้องานที่ต้องสมาทานหลักสิทธิเสรีภาพดุจดังชีวิต แทบไม่มีใครลุกขึ้นสู้เลยกับคณะเผด็จการที่ถือปืนมาปิดปาก ห้ามคิด ห้ามเขียน ห้ามวิพากษ์วิจารณ์

หัวใจของวิชาชีพถูกเหยียบย่ำชำเรา ก็เฉย

ไปหาเรื่องเดือดร้อนมาใส่ตัวทำไม--หลายคนคิดแบบนี้

นักเขียนซึ่งทำงานภายใต้จุดยืน ‘คนเท่ากัน’ มาทั้งชีวิต มีผลงานมากกว่า 40 ปก มีลายเซ็น มีคุณูปการ โดนเรียกเข้าไปรายงานตัว โดนถอดถอนสิทธิ์หนังสือเดินทาง โดนอายัดบัญชีเงินฝาก

เพื่อนพี่น้องนักเขียนที่เติบโตด้วยกันมา ‘เฉย’

หลายคนอาจไม่รู้ อีกหลายคนพยายามที่จะไม่รับรู้

พวกเขาเก็บตัวเงียบที่สุด ซุ่มซ่อนอยู่อย่างไม่มีปากมีเสียง เหมือนหอยทาก เหมือนก้อนหิน

ถือปืนมาถอดถอนสิทธิ์หนังสือเดินทางนี่เรื่องใหญ่นะครับ

ถือปืนมาอายัดบัญชีเงินฝากนี่เรื่องใหญ่นะครับ

สิ่งที่นักเขียนได้รับจากแวดวงวรรณกรรม คือเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“งงฉิบหาย” นักเขียนถอนใจ “เขาทำอะไรแม่งก็เฉย อาจจะถือว่าไม่ใช่เรื่องของกู”

ผมหน้าชา

“เฉยนานๆ จะชา” นักเขียนไม่ใช่แพทย์ เขาหมายความในทางนามธรรม

“ชานานๆ ก็คือไร้ความรู้สึก ทำอะไรก็ไม่รู้สึก” เขาถอนใจยาวๆ อีกครั้ง “สังคมที่ไร้ความรู้สึก ใครจะอยู่ก็ไป ผมไม่เอาด้วย”

จากบ้าน จากประเทศ นักเขียนหนีออกไปตายดาบหน้า

ใครหลายคนมองว่าเขาหนีทหาร หนีอำนาจเผด็จการ

ไม่ผิดหรอก --แต่แท้จริงเขาสมเพช สะอิดสะเอียน รับไม่ได้กับสังคมที่ไร้ความรู้สึก

เหนื่อยที่ต้องหนี ใช้ชีวิตยากลำบาก แต่เอา ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร ยังไงมันก็คงดีกว่าการอยู่กับหอยทาก

ยังไงมันก็คงดีกว่าการอยู่กับก้อนหิน

...

4

ไม่ว่าเดินทางไปไหน ทั้งในวงใหญ่วงเล็ก ก็มักมีคนตั้งคำถามกันอยู่เรื่อย ว่าเมื่อไรประเทศนี้จะมีแสงสว่าง

ค่าที่มันมืดมนมานาน มืดท่ามกลางแสงแดด

คำตอบที่ได้นอกจากความเงียบ คือความไม่รู้

วิกฤตินี้ยาวนาน วิกฤตินี้ยังหาที่สุดมิได้ ใช้ความรู้ ใช้เหตุผลวิเคราะห์ก็ไม่ได้ เพราะต้นตอปัญหาที่ประสบพบเจออยู่ไม่ใช่เรื่องของเหตุผล

ในสังคมศิวิไลซ์ ผู้คนของเขาจะมองเหตุแห่งทุกข์และหาทางดับทุกข์

ในสังคมศิวิไลซ์ ผู้คนของเขาสมาทานเรื่องสิทธิเสรีภาพเป็นหัวใจ เป็นกระดูกสันหลัง ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้

บ้านเรา ผู้ทรงคุณวุฒิวัยวุฒิ ผู้คงแก่เรียน ปัญญาชน นักธุรกิจผู้เปรื่องปราด นักเขียน กวี มีมากมาย แต่ส่วนใหญ่มีรสนิยมถือครองความนิ่งเฉย หนักกว่านั้น หลายคนกระโจนเข้าร่วมหมุนเข็มนาฬิกาย้อนยุคกลับไปนุ่งใบไม้ อยากได้อะไรก็ใช้กระบองทุบตี ใครตัวใหญ่ ใครมีพรรคพวกมากคือผู้ชนะ

คนบริสุทธิ์ถูกจับขังคุกก็เฉย

ใครถูกไล่ล่า ถูกฆ่าอย่างป่าเถื่อน อยุติธรรมอย่างไรก็ช่าง

ความรู้สึกมันด้านชาไปเสียแล้ว

ด้านชาไปถึงวิธีคิด และสะกดจิตตัวเองซ้ำๆ ว่าธุระไม่ใช่

บางทีเราอาจต้องรอให้ไฟไหม้บ้านเขาเสียก่อน หอยทากถึงจะรู้สึก หอยทากอาจเริ่มเคลื่อนไหว

แต่หัวใจระดับก้อนหินก็ไม่แน่ว่าจะยอมลืมตาและยกขาลงจากเตียงหรือเปล่า.